บทที่ 4: ทะลุสู่โลกในกระจก
อาร์ยาค่อยๆ หยิบกล่องดนตรีเก่าๆ ออกมาจากใต้หมอน เขาค่อยๆ หมุนลูกบิดช้าๆ ท่วงทำนองดนตรีอันไพเราะกลับมาเติมเต็มห้องของเขาอีกครั้ง อาร์ยาจ้องมองกระจกบานใหญ่ตรงหน้าเตียงนอนของเขา ตามเคย เงาของผู้หญิงคนนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งในกระจก แต่คราวนี้มีบางอย่างแตกต่างออกไป เงาเงาไม่ได้ยืนนิ่งๆ เธอเหมือนกำลังส่งสัญญาณ ขยับมือช้าๆ ราวกับกำลังชี้ไปที่บางสิ่งบางอย่าง
อาร์ยาพยายามทำตามทิศทางการเคลื่อนไหวของมือเงาเงาในโลกแห่งความเป็นจริง เงาเงาเหมือนกำลังชี้ไปที่กระจก ทันใดนั้น เมื่อดนตรีดำเนินไปถึงโน้ตที่สูงสุด พื้นผิวกระจกก็เหมือนจะสั่นสะเทือน แสงประหลาดโผล่ออกมาจากภายใน ทำให้ห้องของอาร์ยาพลันสลัวลง อาร์ยาหลับตาโดยอัตโนมัติเพราะแสงจ้า
เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป ห้องของเขายังคงเหมือนเดิม แต่มีหมอกจางๆ ปกคลุมไปทั่ว ทำให้ทุกสิ่งดูเบลอเล็กน้อย และที่แปลกที่สุดคือ เงาของผู้หญิงในกระจกหายไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือภาพสะท้อนของตัวเขาเอง อาร์ยาขมวดคิ้ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เขาลองเข้าไปใกล้กระจกอีกครั้ง มือของเขายื่นออกไปสัมผัสพื้นผิวของมัน แต่คราวนี้มือของเขาไม่ได้สัมผัสถึงความเย็นและแข็งของกระจก มือของเขากลับรู้สึกเหมือนกำลังทะลุผ่านบางสิ่งที่นุ่มและยืดหยุ่น อาร์ยาสะดุ้งตกใจและรีบดึงมือกลับมา เขามองกระจกด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ เขาเพิ่งทะลุผ่านกระจกห้องนอนของตัวเองหรือ?
ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว อาร์ยารวบรวมความกล้าที่จะลองอีกครั้ง เขาค่อยๆ ขยับตัวไปทางกระจก ตอนแรกมันรู้สึกแปลกและน่ากลัวเล็กน้อย แต่แล้วร่างกายทั้งหมดของเขาก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในกระจก
อาร์ยาโซซัดโซเซและเกือบจะล้มลงทันทีที่เขาเข้ามาในกระจกได้อย่างสมบูรณ์ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เขาไม่ได้อยู่ในห้องของเขาอีกต่อไป เขาอยู่ในสถานที่ที่ดูคุ้นเคยแต่ก็แปลกตา นี่คือห้องเดียวกันเป๊ะกับห้องของเขา แต่มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดหลายประการ สีซีดจางกว่า เฟอร์นิเจอร์ดูเก่าและมีฝุ่นมากกว่า และมีบรรยากาศเศร้าสร้อยปกคลุมห้องอย่างรุนแรง
ที่มุมห้อง เขาเห็นเงาของผู้หญิงที่เขาเห็นในกระจกกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอเหมือนกำลังร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น อาร์ยารวบรวมความกล้าที่จะเข้าไปหาเงาเงา นั้น
“คุณป้า… คุณป้าริสา?” อาร์ยาเรียกอย่างระมัดระวัง
เงาของผู้หญิงคนนั้นรีบเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่บวมแดงของเธอจ้องมองอาร์ยาด้วยความตกใจ อาร์ยาเห็นใบหน้าของเธอชัดเจนแล้ว ใบหน้าที่สวยงามแต่เต็มไปด้วยความเศร้า
“คุณ… คุณเป็นใคร?” ริสาถามด้วยเสียงแผ่วเบาที่ฟังดูน่าสงสาร
“ผมอาร์ยาครับคุณป้า หลานของคุณปู่” อาร์ยาตอบ
ริสาดูสับสน “หลานเหรอ? แต่… นี่ห้องของฉัน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
จากนั้นอาร์ยาก็เล่าเรื่องราวให้ริสาฟังเกี่ยวกับกล่องดนตรีที่เขาพบในห้องใต้หลังคา และเงาที่เขามักจะเห็นในกระจก เขายังเล่าเรื่องการเสียชีวิตของริสาเมื่อ 20 ปีที่แล้วที่ยังคงเป็นปริศนา ริสาตั้งใจฟังเรื่องราวของอาร์ยาอย่างละเอียด น้ำตายังคงไหลอาบแก้มของเธอ
“แสดงว่า… ฉันเสียชีวิตมานานขนาดนั้นแล้วเหรอ?” ริสาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เชื่อหลังจากอาร์ยาเล่าจบ
อาร์ยาพยักหน้าเศร้าๆ ริสากลับมาร้องไห้อีกครั้ง
“ฉันจำอะไรไม่ได้เลย” ริสาพูดท่ามกลางเสียงสะอื้นของเธอ “สิ่งที่ฉันจำได้ก็แค่… ฉันอยู่ในห้องนี้ แล้วจู่ๆ ทุกอย่างก็มืดไปหมด”
อาร์ยารู้สึกสงสารคุณป้าของเขามากที่ดูเหมือนกำลังทุกข์ทรมานอย่างหนัก เขาให้คำมั่นในใจว่าเขาจะช่วยคุณป้าของเขาเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเธอ
“คุณป้าไม่ต้องห่วงนะครับ” อาร์ยาพูดพลางพยายามปลอบริสา “อาร์ยาจะช่วยหาว่าใครทำแบบนี้กับคุณป้า”
ริสามองอาร์ยาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง “คุณ… คุณจะช่วยฉันจริงๆ เหรอหลาน?”
อาร์ยาพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ครับคุณป้า อาร์ยาสัญญา”
“ขอบคุณนะอาร์ยา” ริสาพูดด้วยเสียงเบา “ฉัน… ฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่ยังไม่จบลง บางอย่างที่ทำให้ฉันไม่สงบ”
อาร์ยาจึงถามริสาเกี่ยวกับเหตุการณ์สุดท้ายที่เธอจำได้ก่อนที่ทุกสิ่งจะมืดไปหมด ริสาพยายามนึก แต่เธอก็ทำได้ยาก ความทรงจำของเธอรู้สึกพร่ามัวและขาดตอน
“ฉันจำได้ว่า… มีคนมาที่ห้อง” ริสาพูดในที่สุดด้วยน้ำเสียงลังเล “ฉันมองหน้าเขาไม่ชัดนัก แต่ฉันจำได้ว่าเขาถืออะไรบางอย่าง… แวววาว…”
อาร์ยาขมวดคิ้ว บางสิ่งที่แวววาว? คืออะไร? มันคืออาวุธที่ใช้สังหารริสาหรือไม่?
“คุณป้าจำลักษณะของคนนั้นได้อีกไหมครับ?” อาร์ยาถามพลางพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม
ริสาส่ายศีรษะด้วยความเศร้า “ขอโทษนะอาร์ยา ความทรงจำของฉันมันพร่ามัวจริงๆ แต่ฉันมั่นใจ คนคนนั้น… คนคนนั้นเป็นคนที่ฉันรู้จักดี”
อาร์ยาเงียบไป คนที่ริสารู้จักดีงั้นเหรอ? ใคร? เป็นคนในครอบครัวของพวกเขาเองหรือเปล่า? ความลึกลับนี้ดูเหมือนจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่อาร์ยาจะไม่ยอมแพ้ เขาจะยังคงตามหาเบาะแสต่อไป แม้ว่าเขาจะต้องสำรวจโลกหลังกระจกนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นก็ตาม เขามั่นใจว่ากล่องดนตรีนั้นคือสะพานเชื่อมระหว่างโลกของเขากับโลกวิญญาณของคุณป้า และเขาจะใช้สะพานนั้นเพื่อเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่มาตลอด 20 ปี