บทที่ 3: ในวันที่แสงหวนคืน

ทุกวันเธอจะเปิดจดหมายของธีร์ อ่านซ้ำอย่างอ่อนโยน แล้วเก็บไว้อย่างระมัดระวัง
ความคิดถึงไม่เคยจางหาย แต่มินตรากลับไม่เศร้าอีกต่อไป เพราะเธอรู้ว่า คนที่เธอรักมีตัวตนจริง และหัวใจของเขาเคยมีเธออยู่ในนั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังเดินผ่านทางเดินริมสวนหลังหอสมุด...
เสียงหนึ่งที่เธอคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“คุณยังอ่านบทกวีเล่มเดิมอยู่ไหม?”
มินตราหยุดเดิน หัวใจเต้นแรง เธอหันกลับไปอย่างช้าๆ
ชายหนุ่มในเสื้อสเวตเตอร์สีเทา ยืนอยู่ใต้ต้นพยอม แว่นตากรอบบาง และรอยยิ้มที่ยังอบอุ่นเหมือนเดิม — “ธีร์”
“คุณ...” มินตราแทบพูดไม่ออก “คุณหายไปไหนมา?”
ธีร์เดินเข้ามาใกล้ น้ำเสียงของเขานุ่มนวลแต่จริงใจ
“ผมไปเรียนรู้...ว่าจะไม่หนีจากสิ่งที่มีความหมายในชีวิตอีกต่อไป”
“แล้วตอนนี้?”
“ตอนนี้ ผมกลับมาแล้ว — เพราะรู้ว่ามีบางอย่างสำคัญกว่าความกลัว...คือหัวใจของผมที่ยังอยู่กับคุณ”
มินตราน้ำตาไหลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความเสียใจ
“ฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมาอีก”
ธีร์ยิ้ม “ผมก็เคยคิดแบบนั้น...แต่ใจของผมไม่เคยหยุดเดินกลับมาหาคุณเลย”
เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่ธีร์จะเอื้อมมือหยิบกล่องเล็กๆ ออกจากกระเป๋า เป็นกล่องไม้เรียบง่ายที่ด้านในบรรจุกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ หลายแผ่น
“ผมเขียนทุกอย่างที่อยากพูดกับคุณแต่ไม่กล้า...เก็บไว้มาตลอด ตั้งใจว่าถ้าวันหนึ่งได้เจอคุณอีก ผมจะมอบสิ่งนี้ให้”
มินตรารับกล่องไว้ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย
“ฉันไม่ต้องการคำพูดที่คุณไม่กล้าพูดแล้ว...ฉันอยากฟังคำที่คุณกล้าพูดตอนนี้ต่างหาก”
ธีร์หัวเราะเบาๆ มองเธอด้วยดวงตาแน่วแน่
“ผมรักคุณ มินตรา — และครั้งนี้ผมจะไม่หายไปอีก”
มินตรายิ้มทั้งน้ำตา เธอไม่ได้พูดอะไร แต่กลับก้าวเข้าไปโอบเขาไว้เบาๆ กลิ่นหอมของดอกพยอมลอยตามลมมาพอดี บทกวีของชีวิตที่เคยจบลงกลางทาง...กำลังเขียนต่ออีกครั้ง
เอพิลอก
หลายเดือนต่อมา มินตราและธีร์ร่วมกันจัดกิจกรรมอ่านบทกวีในห้องสมุดแห่งเดิม โดยใช้ชื่อว่า “คืนแห่งแสงใจ”
ภายในห้องอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ กลิ่นกระดาษ และความอบอุ่นของความรัก
เมื่อบทกวีสุดท้ายของค่ำคืนนั้นจบลง ธีร์หันไปยิ้มให้มินตรา
“แสงของหัวใจผมไม่ใช่ดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์...แต่คือคุณ ที่อยู่ข้างๆ ผมเสมอ”
ไม่มีบทถัดไปแล้ว